Thursday, November 29, 2018

ไข่ม้วน

ไข่ม้วนนมสด


ส่วนผสม
  • ไข่ไก่ 4 ฟอง
  • นมข้นจืด 1 กระป๋อง
  • ซีอิ๊วขาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • มะเขือเทศสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  • หอมหัวใหญ่สับ 1 ช้อนโต๊ะ
  • แครอท 1 ช้อนโต๊ะ
  • ต้นหอม 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  1. ผสมไข่ไก่กับนมข้นจืด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ใส่มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ แครอท และต้นหอม
  2. ตั้งกระทะโดยใช้กระทะรูปทรงสี่เหลี่ยม ตั้งด้วยไฟอ่อน ทาเนยให้ทั่วกระทะ จากนั้นก็เทไข่ลงไปส่วนหนึ่งก่อน กลิ้งไข่ให้เคลือบทั่วกระทะ
  3. เมื่อไข่ชั้นแรกเริ่มสุก แล้วก็ม้วนไข่ให้เป็นโรล และดันไข่ขึ้นไปด้านบนของกระทะ เสร็จแล้วก็เทชั้นที่สองลงไป ทำเหมือนเดิมจนชั้นที่สี่ที่ห้าหรือจนกว่าไข่ที่ผสมไว้หมด
  4. เมื่อทำเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว นำขึ้นมาตัดแบ่งชิ้นละเท่าๆ กัน แล้วจัดใส่จานเสิร์ฟได้เลยค่ะImage result for ไข่ม้วน

เเกงเขียวหวานไก่



แกงเขียวหวาน


  • พริกจินดาเขียว 100 กรัม
  • กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ผงยี่หร่า 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ลูกผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
  • ข่า (หั่นแว่น) 5 แว่น
  • ตะไคร้ซอย 1 ต้น
  • ผิวมะกรูด 1 ลูก
  • หัวหอมแดง 5-6 หัว
ส่วนผสมลูกชิ้นปลากราย
  • เนื้อปลากราย 500 กรัม
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • น้ำเย็น 2 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมแกงเขียวหวาน
  • หัวกะทิ 1 ถ้วย
  • หางกะทิ 3 ถ้วย
  • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • มะเขือเปราะ ตามชอบ
  • มะเขือพวง ตามชอบ
  • กระชายซอย
  • ใบโหระพา
  • พริกชี้ฟ้าซอย
วิธีทำ
1. ปั่นเครื่องแกงเขียวหวานให้เข้ากัน จากนั้นก็วางพักไว้ก่อน
2. ปั่นเนื้อปลากรายกับเกลือ และน้ำเย็นจัด ปั่นจนเนื้อเนียน จากนั้นให้นำไปลวกจนสุก
3. เทหัวกะทิลงไปนิดหน่อย ยังไม่ต้องเทหมด เทพริกแกงลงไปผัดให้เข้ากันจากนั้นก็เทหัวกะทิที่เหลือลงไป
4. เมื่อหัวกะทิเริ่มเดือดผุดๆ ให้เทหางกะทิตามลงไป จากนั้นก็ตักเอาแต่ลูกชิ้นปลากรายใส่ลงไป แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และเกลือ
5. ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง กระชาย ใบโหระพา และพริกชี้ฟ้าซอย คนให้เข้ากัน จากนั้นก็ตักใส่ถ้วยจัดจานเสิร์ฟคู่กับขนมจีน

Friday, November 23, 2018

สลัดโรลปูอัด


สลัดโรลปูอัด

     หุ่นดีแน่กับเมนูสลัดโรลปูอัด อาหารลดน้ำหนักห่อผักแน่น ๆ เติมโปรตีนเพิ่มความอิ่ม กินกับน้ำจิ้มตามชอบ มื้อนี้อิ่มอร่อยแบบสบายท้อง
     จากที่เคยทำเมนูสลัดผักหน้าตาธรรมดา ไม่ค่อยกระตุ้นความอยากอาหารเท่าไร คราวนี้ลองจับผักไปห่อเป็นเมนูสลัดโรล แบบเก๋ ๆ กันดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำสลัดโรลปูอัด จับแป้งเปาะเปี๊ยะญวนห่อผักและปูอัด ใครจะทำเป็นสลัดโรลทูน่าหรือสลัดโรลสาหร่ายก็เข้าท่านะคะ 


ส่วนผสม สลัดโรลปูอัด
     • แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะญวน 
     • ผักสลัดต่าง ๆ ตามชอบ
     • แครอท (หั่นเป็นเส้นยาว)
     • แตงกวา (หั่นเป็นเส้นยาว) 
     • ปูอัด 
     • น้ำจิ้มสลัดโรล [คลิกดู สูตรน้ำจิ้มสลัดโรล]

วิธีทำสลัดโรลปูอัด
     1. หั่นครึ่งแป้งเปาะเปี๊ยะญวนแล้วนำมาจุ่มน้ำพอนุ่ม วางแป้งไว้ในจานใหญ่ หรือเขียงแบน 
     2. วางผัดสลัดลงไป ตามด้วยแครอท แตงกวาหั่นยาว และปูอัด 
     3. ม้วนจนสุดแป้ง หั่นครึ่ง จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสลัดโรล

     สำหรับสาว ๆ ที่อยากลดน้ำหนักลองมาทำสลัดโรลปูอัดกันเถอะ ถ้าไม่อยากใช้แผ่นแป้งห่อก็เปลี่ยนมาใช้สาหร่ายห่อแทนก็ได้นะคะ กินกับน้ำจิ้มสลัดโรลเพิ่มความฟินสลัดโรลปูอัด

ราดหน้ารวมมิตร


      ราดหน้ารวมมิตร



     มื้อเที่ยงมาเติมพลังกันหนัก ๆ หน่อย พบกับเมนูราดหน้ารวมมิตร สูตรอาหารจานเดียว ใส่เครื่องแน่นหลากชนิดกับเส้นหมี่เบตง อิ่มเน้น ๆ ฟินทั้งบ้านพูดเลย

     เมนูราดหน้า  ไม่ว่าเป็นราดหน้าเส้นใหญ่ ราดหน้าเส้นหมี่ หรือราดหน้าหมี่กรอบใคร ๆ ก็ทำกินบ่อยแล้ว ลองเปลี่ยนมาทำราดหน้าบะหมี่เบตงบ้างดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำราดหน้ารวมมิตร สูตรจาก คุณ maekwansri สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม (#maekwansri) จับเส้นหมี่เบตองผัดจนสุกนิ่ม ราดน้ำราดหน้าใส่ปลาหมึก กุ้ง และไก่ เติมคะน้าและเห็ดหอม ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว ก่อนเสิร์ฟเหยาะพริกไทยหน่อย 

     หมายเหตุ : ราดหน้ารวมมิตรกับบะหมี่กรอบ 1 จาน ให้พลังงานประมาณ 690 กิโลแคลอรี  

     ราดหน้ารวมมิตรกับเส้นหมี่เบตง 

     อารมณ์อยากกินราดหน้าเส้นใหญ่ แต่เส้นก๋วยเตี๋ยวในตลาดหมด ทำอย่างไรดีล่ะ เครื่องเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่อยากกินเส้นหมี่ นึกขึ้นมาได้ว่าที่บ้านมีเส้น "หมี่เบตง" ที่ซื้อมาจาก จ.ยะลา น่าจะลองเอามาแทนเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ ซึ่งไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ อร่อยเลยแหละ มาลองทำดูนะ

ราดหน้ารวมมิตรกับเส้นหมี่เบตง

     เส้นหมี่เบตง

ราดหน้ารวมมิตรกับเส้นหมี่เบตง

     กุ้ง อกไก่ ปลาหมึก คะน้าหั่นท่อน กระเทียมสับ เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น เต้าเจี้ยว ซีอิ๊วดำ แป้งมันฮ่องกงหรือแป้งข้าวโพดผสมกับน้ำให้เข้ากัน

ส่วนผสม ราดหน้ารวมมิตร
      • เส้นหมี่เบตง
      • ปลาหมึก
      • กุ้ง
      • อกไก่
      • น้ำมันหอย
      • ซีอิ๊วขาว
      • น้ำตาลทราย
      • แป้งมันฮ่องกง หรือแป้งข้าวโพดผสมกับน้ำให้เข้ากันเส้นหมี่เบตง
      • คะน้าหั่นท่อน
      • กระเทียมสับ
      • เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น
      • ซีอิ๊วดำ
      • เต้าเจี้ยว
      • น้ำมัน
      • น้ำซุปหรือน้ำเปล่า

วิธีทำราดหน้ารวมมิตร
     หมักอกไก่ด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และแป้งมัน คลุกเคล้าเข้าด้วยกัน พักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหรือทั้งคืน

ราดหน้ารวมมิตรกับเส้นหมี่เบตง

     ตั้งกระทะใส่น้ำมัน พอเริ่มร้อนใส่เส้นลงไปผัด เหยาะซีอิ๊วดำลงไปผัดให้เข้ากันจนหอม พักไว้

ราดหน้ารวมมิตรกับเส้นหมี่เบตง

     เจียวกระเทียมให้หอม ใส่เห็ดหอมและเต้าเจี้ยวลงไปผัดให้หอม เติมน้ำซุปหรือน้ำเปล่าลงไป ปรุงรสตามชอบ รอจนน้ำเดือดใส่ไก่กับปลาหมึกลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที ใส่ผักคะน้าและกุ้งลงไป เมื่อเดือดอีกครั้งใส่แป้งมันลงไปคนจนน้ำข้น

ราดหน้ารวมมิตรกับเส้นหมี่เบตง

     ตักราดลงบนเส้นหมี่เตรียมไว้ เหยาะพริกไทยกับพริกน้ำส้ม อร่อยเลยจ้า

ราดหน้ารวมมิตรกับเส้นหมี่เบตง

ขนมโค


ขนมโค

      ติดใจขนมโค อีกหนึ่งขนมไทยหากินยาก ถ้าทำเองบอกเลยง่ายสุด ๆ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมโค สูตรจาก คุณแมวเหมียวโมจิ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม หน้าตาคล้ายขนมต้ม ต่างกันที่ขนมต้มใส่ไส้กระฉีก ส่วนขนมโคใส่ไส้น้ำตาลแว่นหรือน้ำตาลโตนด แป้งใส่สีหรือไม่ใส่สีก็ได้ ปั้นก้อนกลมพอดีคำ คลุกมะพร้าวขูด กินอร่อยจนหยุดไม่ได้


     เคยกินไหม ชวนมาทำขนมโคแบบคนใต้กันค่ะ โดย คุณแมวเหมียวโมจิ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

     สวัสดีค่ะ เราเป็นคนใต้แต่เมื่อย้ายเข้ามาอยู่แถบภาคกลางไม่ค่อยมีโอกาสกลับบ้าน แต่ความอยากไม่ปรานีใครค่ะ ขนมโคแบบที่อยากกินนี้ก็ไม่ได้มีขาย (เท่าที่เห็นมา) แถวตลาดใกล้บ้านเลยต้องจัดการเข้าครัวเอง จริง ๆ จะว่าไปแล้วขนมโคแบบที่กินกันทางใต้นั้นทำค่อนข้างง่ายและเป็นหนึ่งในขนมในความทรงจำของเรา เวลาแม่หรือย่าไปบนบานศาลกล่าวอะไรเอาไว้ก็มีบางครั้งที่แก้บนเป็นขนมโค ซึ่งนอกจากเราจะมีโอกาสได้เป็นลูกมือแล้วยังได้รับอานิสงส์หลังเสร็จจากแก้บนไปด้วย เป็นขนมที่หยิบกินเพลิน แป๊บ ๆ ก็หมดแล้ว ขนมโคปักษ์ใต้มีส่วนผสมที่ไม่ซับซ้อนและไม่ได้กินแบบราดกะทิเหมือนกับที่เราเห็นทั่วไป แต่จะบอกว่าอันไหนอร่อยกว่าคงเทียบไม่ได้เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคลเนอะ เกริ่นมาเยอะแล้วให้ดูหน้าตากันหน่อย

     พอดีที่บ้านเราไม่มีกระต่ายขูดมะพร้าวค่ะ เลยพยายามเอาเนื้อมะพร้าวมาสับ ๆ ซอย ๆ ออกมาหน้าตาได้แบบที่เห็นแต่ก็อร่อยดีไปอีกแบบ และพอดีว่าวันที่ไปจ่ายตลาดบังเอิญได้เผือกหอมมาด้วยเลยเอาเผือกมาผสมกับแป้ง แต่ถ้าใครไม่มีก็ไม่จำเป็นต้องใช้ค่ะ ส่วนสีชมพูที่ได้ก็มาจากการผสมน้ำหวานเฮลซ์บลูบอยสีแดงเข้าไปเล็กน้อย ถ้าใครอยากได้สีอื่น ๆ เช่น สีเขียว หรือฟ้าก็สามารถใช้น้ำใบเตยคั้นหรือน้ำดอกอัญชันได้ตามสบายเลยค่ะ พูดมาเยอะแล้ว เข้าเรื่องเลยดีกว่า

ส่วนผสม ขนมโค
     • แป้งข้าวเหนียว
     • น้ำตาลแว่น
     • มะพร้าวขูด (เราหาไม่ได้เลยเอาเนื้อมะพร้าวทึนทึกมาสับ ๆ)
     • เผือกหอมนึ่ง
     • เกลือป่นเล็กน้อย (ใช้สำหรับคลุกกับมะพร้าวขูด)
     • เฮลซ์บลูบอยสีแดง (สีอื่น ๆ หรือน้ำคั้นจากผักสีธรรมชาติ) ไม่ใส่ก็ได้

ขนมโค
     • มาถ่ายรูปหมู่กันหน่อย

ขนมโค

     • รูปเดี่ยวของเผือกก่อนนึ่ง เผือกจะต้องล้างให้สะอาดและเอายางออกให้หมดนะคะ ไม่เช่นนั้นเวลากินอาจจะคันหรือแพ้ได้

ขนมโค

     • เผือกที่นึ่งแล้ว ก่อนนำไปนึ่งหั่นเป็นชิ้น ๆ จะได้สุกเร็วขึ้นค่ะ 

ขนมโค
     • น้ำตาลแว่นที่ได้มาต้องตัดแบ่งอีกครั้งเพื่อนำไปทำไส้ กะขนาดอย่าให้ใหญ่เกินไปนะคะ ไม่เช่นนั้นขนมของเราจะใหญ่ตามไปด้วย

วิธีทำขนมโค
     • ใช้ช้อนกับส้อมบดเผือกนึ่งเสร็จแล้วนำไปผสมกับแป้งข้าวเหนียว นวดผสมกันจนเป็นก้อน ถ้าส่วนผสมแห้งเกินไปก็เติมน้ำเข้าไปได้ค่ะ ถ้ารู้สึกว่าเหนียวไปก็ต้องเติมแป้งเพิ่ม ขั้นตอนนี้อาศัยการกะประมาณเอาล้วน ๆ เมนูนี้เลยไม่ได้มีอัตราส่วนมาให้ดูกัน ต้องขออภัยด้วยค่ะ ถ้าต้องการแป้งสีชมพูก็เอาน้ำหวานสีแดงผสมน้ำเปล่าเทใส่ลงไปแล้วนวดจนเข้ากัน ขั้นตอนนี้มือเราเลอะเลยไม่ได้ถ่ายเอาไว้เลย

ขนมโค

     • แบ่งแป้งเป็นก้อนกลม ๆ ปริมาณของแป้งจะต้องมากพอที่จะหุ้มน้ำตาลที่ตัดเตรียมไว้ได้นะคะ 

ขนมโค

     • เมื่อปั้นเป็นก้อนกลมแล้วก็แผ่เป็นแผ่นบางตามรูปเลยค่ะ กะความหนาให้พอดี สำหรับเราถ้าแป้งหนาไปรู้สึกว่ารสชาติไม่พอดีค่ะ แต่ถ้าแป้งบางไปไส้น้ำตาลจะทะลักได้

ขนมโค

     • วางน้ำตาลลงไปแบบนี้แล้วก็คลึงให้เป็นก้อนกลม ๆ อีกครั้ง

ขนมโค
     • ปั้นเสร็จแล้วหน้าตาจะเป็นแบบนี้

ขนมโค

     • ขั้นต่อไปเรามาเตรียมน้ำสำหรับลวกขนมกันค่ะ เติมน้ำสะอาดใส่ลงในหม้อ ตั้งไฟกลางรอจนน้ำเดือด อย่าลืมกะขนาดของหม้อและปริมาณของน้ำให้เหมาะกับปริมาณของขนมที่จะนำลงไปลวกด้วยนะคะ

ขนมโค
     • เมื่อน้ำเดือดได้ที่แล้วนำขนมโคลงไปลวก ตอนเอาลงไปใหม่ ๆ ตัวขนมจะจมอยู่ก้นหม้อค่ะ เมื่อเห็นขนมลอยขึ้นมาแล้วให้เตรียมกระชอนไว้ตักได้เลย

ขนมโค

     • ตักขึ้นมาอย่างกับไข่งานกาชาด

ขนมโค
     • นำขนมที่สุกแล้วไปแช่น้ำเย็นไว้ครู่หนึ่งกันขนมติดกันค่ะ (เราไม่ชอบให้ขนมติดกันเลยใช้วิธีนี้ แต่สูตรเดิมคือไม่ต้องแช่น้ำค่ะ)

ขนมโค

     • ขั้นสุดท้ายนี้ ตักขนมขึ้นมาเตรียมเสิร์ฟในจาน นำมะพร้าวขูดคลุกกับเกลือป่นเล็กน้อยพอให้มีรสเค็ม ๆ มัน ๆ แล้วนำไปคลุกกับตัวขนมหรือจะโรยแบบเราก็ได้เลยค่ะ  

     รับขนมโคไปกินสักลูกไหมคะ อยากจะบอกว่ารสเค็ม ๆ มัน ๆ ของมะพร้าวตัดกับความหวานของน้ำตาลแว่นและความหนึบของแป้งได้เป็นอย่างดี ทำกินเมื่อไรแป๊บ ๆ ก็หมดเร็วทุกที

     ป.ล. ส่วนผสมและวิธีทำข้างต้นนี้เราอาศัยครูพักลักจำจากแม่มานะคะ ใครอยากแนะนำหรือติชมอะไรเพิ่มเติมก็บอกกันได้ตามอัธยาศัยเลยค่ะ

วุ้นเเมงลัก

วุ้นแมงลัก

        จากที่เคยทำวุ้นน้ำหวานหลากสีสัน กินอร่อยแต่ไม่มีประโยชน์เท่าไร ลองแปลงร่างทำเป็นวุ้นแมงลัก เพิ่มคุณค่าหน่อยดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำวุ้นเม็ดแมงลัก ใส่น้ำหวานสีตามชอบ เติมผงวุ้นลงไปคนผสมจนเข้ากัน แล้วเทใส่พิมพ์สวย ๆ รอจนเซตตัว 

ส่วนผสม วุ้นเม็ดแมงลัก
      • ผงวุ้น 2 ช้อนชา
      • น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง (สำหรับผสมทำตัววุ้น)
      • น้ำหวานเข้มข้น (เลือกตามชอบ) 2 ถ้วยตวง
      • เม็ดแมงลัก 1-2 ช้อนโต๊ะ
      • พิมพ์วุ้น

วิธีทำวุ้นเม็ดแมงลัก
     1. แช่เม็ดแมงลักในน้ำเปล่าจนพอง เตรียมไว้
     2. ต้มน้ำจนเดือดแล้วใส่ผงวุ้นลงไปต้มจนละลาย ยกลงจากเตา พักไว้สักครู่พอให้คลายความร้อน
     3. ใส่น้ำหวานตามชอบลงไปคนผสมให้เข้ากัน ตามด้วยเม็ดแมงลักที่แช่น้ำไว้แล้วตักใส่พิมพ์ นำไปแช่เย็นจนวุ้นเซตตัววุ้นเม็ดแมงลัก

Thursday, November 22, 2018

ขนมเปียกปูนน้ำกะทิ


ขนมเปียกปูนน้ำกะทิ

      จากที่เคยกินขนมเปียกปูนใบเตยชิ้นสี่เหลี่ยม ลองเปลี่ยนสไตล์มาทำเมนูเปียกปูนใส่กะทิ ขนมไทยโบราณหากินยากกันดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมเปียกปูนกะทิสด สูตรจาก คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เนื้อขนมเปียกปูนนุ่มเหนียวใส่ใบเตย ราดกะทิรสเค็มตัดเลี่ยน โรยงาขาวคั่วเพิ่มกลิ่นหอม ใครยังไม่เคยลองจัดเลยจ้า


     ขนมเปียกปูนกะทิสด ขนมแบบไทย ๆ 
     ขนมเปียกปูนกะทิสดเป็นขนมหวานไทยที่อร่อยและวิธีการทำไม่ยุ่งยาก มาดูวิธีทำกันค่ะ

ส่วนผสม ขนมเปียกปูนกะทิสด

     • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
     • แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
     • น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
     • น้ำใบเตย 2 ถ้วยตวง
     • เกลือเล็กน้อย
     • น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วยตวง
     • น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม

ส่วนผสม กะทิราดหน้าขนม

     • กะทิ 500 กรัม
     • เกลือแค่หยิบมือ
     • แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้นะคะ แต่ที่ใส่เพื่อให้น้ำกะทิข้น)
     • งาขาวคั่ว

วิธีทำขนมเปียกปูนกะทิสด

ขนมเปียกปูนกะทิสด

     • นำแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำปูนใส และน้ำใบเตยผสมกันและนวดจนเข้ากันดี

ขนมเปียกปูนกะทิสด

     • ใส่เกลือ น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลปี๊บ นวดต่อจนเข้ากันดี

ขนมเปียกปูนกะทิสด

     • กรองส่วนผสมแป้งด้วยตะแกรง 1 รอบ

ขนมเปียกปูนกะทิสด

     • ตั้งกระทะเปิดไฟปานกลาง ใส่แป้งลงไปกวน พอแป้งเริ่มจับตัวเป็นก้อนให้ลดเป็นไฟอ่อน ค่อย ๆ กวนต่อจนส่วนผสมเนียนเข้ากันดี สังเกตจากการเอาไม้พายตักแป้งขึ้นมา ถ้าแป้งเหนียวติดไม้พายก็ใช้ได้แล้วค่ะ (ดูวิธีทำในคลิปวิดีโอ)

ขนมเปียกปูนกะทิสด

     • ตักขนมเปียกปุนใส่ถุงบีบ และใช้หัวบีบแต่งหน้าเค้ก บีบใส่ถ้วย

วิธีทำกะทิราดหน้าขนม

ขนมเปียกปูนกะทิสด

     • ใส่หัวกะทิลงในหม้อ ตามด้วยเกลือ ใส่แป้งข้าวเจ้า คนผสมจนเดือด เสร็จแล้วตักกะทิราดหน้าขนมเปียกปูนเลยค่ะ อย่าลืมโรยงาขาวคั่วหอม ๆ 

ขนมเปียกปูนกะทิสด

บัวลอยเเตงโม

 บัวลอยแตงโม 



    วันหยุดชวนลูกรักมาช่วยกันทำเมนูบัวลอยแตงโม สูตรจาก คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับบัวลอยปั้นเป็นรูปแตงโมสุดคิวท์ ราดกะทิใบเตยลงไปฉ่ำ ๆ ถ้าจะกินแบบเย็นก็เติมน้ำแข็งลงไปเลยจ้า

ส่วนผสม ขนมบัวลอยรูปแตงโม
      • แป้งข้าวเหนียว
      • สีเขียว (น้ำใบเตย)
      • สีเหลือง (เนื้อฟักทอง)
      • สีม่วง (น้ำอัญชัน)
      • สีชมพู (กลิ่นกุหลาบ)
      • งาขาว
      • งาดำ
      • กะทิสด
      • ใบเตย
      • เกลือ
      • น้ำตาลทราย

วิธีทำขนมบัวลอยรูปแตงโม     1. ผสมแป้งข้าวเหนียวให้เป็นสีต่าง ๆ ได้แก่ สีเขียวจากน้ำใบเตย สีเหลืองจากเนื้อฟักทอง สีม่วงจากน้ำอัญชัน และสีชมพูจากกลิ่นกุหลาบ (ในสูตรใส่น้ำหวานกลิ่นสละเฮลซ์บลูบอยเพิ่มให้สีสวยขึ้น) นวดแป้งให้เข้ากัน จะได้ 4 สี 
     2. ปั้นให้เป็นรูปแตงโม โดยปั้นแป้งสีเหลือง แป้งสีชมพู และแป้งสีม่วงให้กลม พักไว้ จากนั้นปั้นแป้งสีเขียวให้กลมแล้วรีดให้เป็นแผ่นแบน นำไปห่อแป้งสีเหลือง แป้งสีชมพู และแป้งสีม่วงจนหมด ปั้นเป็นก้อนกลม 
     3. ผ่าครึ่งแป้งแตงโมแต่ละก้อนแล้วแบ่งเป็นเสี้ยวตามต้องการ นำงาขาวหรืองาดำแปะที่เนื้อแตงโมให้สวยงาม
     4. ต้มน้ำให้เดือด ใส่แป้งบัวลอยรูปแตงโมลงไปจนสุก (หากสุกแล้วแป้งจะลอยขึ้น) ตักใส่น้ำเย็นพักไว้14 เมนูขนมใส่น้ำแข็ง
     5. ต้มกะทิใส่ใบเตย เกลือเล็กน้อย และน้ำตาลทราย พอน้ำตาลละลายใส่แป้งบัวลอยรูปแตงโมลงไป ปิดไฟ จะกินแบบเย็นหรือร้อนก็ได้ หรือรอให้เย็น ตักใส่ในลูกแคนตาลูป

ลูกตาลลอยเเก้ว

  
ลูกตาลลอยแก้ว

    ลูกตาลราคาถูกก็ดี หรือลูกตาลราคาแพงก็ช่าง เพราะยังไงก็ขอลองทำเมนูลูกตาลลอยแก้ว สูตรจาก คุณนัทจัง สบายดี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับลูกตาลหั่นชิ้นใส่ลงในน้ำเชื่อมต้มจนเดือด ใครจะใส่ขนุนเพิ่มก็ตามชอบเลยจ้า

ส่วนผสม ลูกตาลลอยแก้ว
      • ลูกตาลสด 1 ถุง (หั่นแนวยาว)
      • น้ำตาลทราย 1+1/2 ถ้วย
      • น้ำสะอาด 3 ถ้วย 
      • ใบเตย 5 ใบ

วิธีทำลูกตาลลอยแก้ว
     1. นำน้ำสะอาด น้ำตาลทราย และใบเตย ใส่ลงในหม้อ เปิดไฟต้มจนเดือด
     2. ใส่ลูกตาลที่หั่นไว้ลงไป รอให้เดือดอีกครั้งสักพัก ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย โปะน้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟ 14 เมนูขนมใส่น้ำแข็ง

ลอดช่อง


 ลอดช่องน้ำกะทิ 



 ใครใจถึงไปซื้อเครื่องกดลอดช่องรอเลย จะได้เอามาทำเมนูลอดช่องน้ำกะทิ สูตรจาก คุณ RinS CookBookเส้นลอดช่องเหนียวนุ่มและสีสวยธรรมชาติ มาพร้อมวิธีทำน้ำกะทิใส่น้ำตาลปี๊บ ใส่น้ำแข็งเกล็ดเพิ่มความเย็นฉ่ำ

ส่วนผสม ลอดช่อง

      • ใบเตยหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 1 ปอนด์ (ประมาณ 450 กรัม)
      • น้ำปูนใส 9+1/2 -10 ถ้วย
      • แป้งข้าวเจ้า 3 ถ้วย
      • แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วย
      • แป้งถั่วเขียว 4 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำเย็นจัด
      • น้ำแข็งทุบ

ส่วนผสม น้ำกะทิ
      • น้ำตาลปี๊บ 3 1/2 -4 ถ้วย
      • เกลือป่น 1 ช้อนชา
      • กะทิ 5 ถ้วย

วิธีทำลอดช่องน้ำกะทิ
     1. ทำน้ำกะทิโดยใส่น้ำตาลปี๊บ เกลือป่น และกะทิลงในอ่างผสม ใช้มือขยำส่วนผสมเข้าด้วยกันจนน้ำตาลปี๊บละลายเข้ากันดี กรองด้วยตะแกรง 
     2. นำส่วนผสมน้ำกะทิขึ้นตั้งไฟปานกลาง เคี่ยวจนน้ำกะทิใกล้เดือด (ให้ส่วนผสมเดือดเฉพาะตรงกลาง ไม่เดือดพล่าน เพื่อไม่ให้กะทิแตกมัน) ประมาณ 10-15 นาที ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น เตรียมไว้ (สามารถทำไว้ล่วงหน้าหรือทำทิ้งไว้ข้ามคืนได้)
     3. ใส่ใบเตยลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำปูนใส 6-7 ถ้วย ปั่นจนละเอียด จากนั้นคั้นเอาเฉพาะน้ำ เตรียมไว้
     4. ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งถั่วเขียวลงไปในน้ำใบเตย โดยปล่อยให้แป้งค่อย ๆ จมลงไปในน้ำจนหมด (เทคนิค : ปล่อยให้แป้งจมลงไปในน้ำเอง รอประมาณ 1 นาที โดยไม่ต้องคน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า แป้งจะได้ไม่จับตัวเป็นก้อน และละลายเข้ากับน้ำทั้งหมด) พอแป้งจมลงหมดแล้ว ค่อย ๆ คนผสมจนเข้าดี จากนั้นกรองด้วยตะแกรง เตรียมไว้
     5. ใส่ส่วนผสมลงในกระทะก้นลึกขนาดใหญ่ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง กวนผสมตลอดเวลา ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง พอแป้งเริ่มเหนียว ค่อย ๆ เทน้ำปูนใสที่เหลือลงไปจนหมด กวนจนส่วนผสมเหนียว และมีสีใส
     6. ตักส่วนผสมแป้งใส่เครื่องกดลอดช่อง กดแป้งเป็นเส้น ๆ ลงในน้ำเย็นจัด จากนั้นตักส่วนผสมขึ้น ใส่ลงในถ้วย ตามด้วยน้ำกะทิที่เตรียมไว้ และน้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟ14 เมนูขนมใส่น้ำแข็ง

ขนมหวาน


1. ทับทิมกรอบพาสเทล



     แค่เห็นภาพก็อยากหม่ำแล้วสำหรับเมนูทับทิมกรอบพาสเทล สูตรจาก คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เริ่มจากหั่นแห้วแล้วแช่สีผสมอาหาร จากนั้นเอาขึ้นมาเคล้ากับแป้งมันและต้มจนสุก ตักใส่ถ้วยราดกะทิใบเตย โปะน้ำแข็ง

ส่วนผสม ทับทิมกรอบ
      • แห้ว 1 กระป๋อง (แห้วสดหรือต้มก็ได้)
      • สีผสมอาหาร 3 สี ได้แก่ สีม่วง สีเขียว และสีชมพู
      • แป้งมัน 200 กรัม
      • กะทิ 500 กรัม
      • น้ำตาลปี๊บ 350 กรัม
      • เกลือนิดหน่อย
      • ใบเตย 2 ใบ

วิธีทำทับทิมกรอบ
     1. หั่นแห้วให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ และผสมสีที่ต้องการกับน้ำแล้วนำแห้วไปแช่ทิ้งไว้
     2. ทำน้ำกะทิ โดยใส่กะทิ น้ำตาลปี๊บ เกลือ และใบเตยลงในหม้อ ต้มจนน้ำตาลละลาย เตรียมไว้
     3. ตักแห้วขึ้นให้สะเด็ดน้ำแล้วคลุกเคล้ากับแป้งมันให้ทั่ว เคาะเอาแป้งส่วนเกินออกก่อนแล้วนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุกลอยขึ้น ตักขึ้นไปผ่านน้ำเย็น
     4. ตักน้ำกะทิที่เตรียมไว้ใส่ถ้วย ใส่ทับทิมกรอบ เติมน้ำแข็ง จัดเสิร์ฟ14 เมนูขนมใส่น้ำแข็ง

สูตร ยำปลากระป๋อง เมนูแซ่บๆ ชุบชีวิตยามยาก

สูตร ยำปลากระป๋อง เมนูแซ่บๆ ชุบชีวิตยามยาก ส่วนผสม ปลากระป๋อง (ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ) 1 1/4  ถ้วยตวง ใบสะระแหน่  5 ช้อนโต๊ะ หอ...